นอกเรื่องนิดหน่ยอครับ
เพิ่งรู้ว่าที่ตัวเองอยู่เค้าเรียกว่า เอี่ยมเต็ง ถ้าเปลียนเสมือนว่า ซัวเถาคือจังหวัด เฉาหนาน คืออำเภอ ผมก็คงอยูตำบลเอี่ยมเต็ง ครับผม โอเคพูดเรืองที่อยู่แค่นี้ก่อนนะครับผม
หลังจากได้เหรียญโดยสารรถไฟใต้ดินมาแล้ว
ผมก็ได้เดินไปขึ้นรถไฟใต้ดิน ภาพรวมของระบบเค้าค่อนข้างดีอาจจะถอดแบบระบบของญี่ปุ่นมาก็เป็นได้ ภาพรวมระบบดี แต่คนที่ใช้บริการไม่ค่อยเป็นระเบียบ มีั้งเรื่องของการแซงคิว ชนกัน แย่งกันขึ้นลง ผมค่อนข้างเดินลำบากนิดหน่งเพราะแบ็คแพ็คไปเลยเหนื่อยหน่อยในการเบียดเสียด จุดหมายที่ซื้อตั้วตอนแรกคือ canton tower แต่เพ่ิงมารู้ว่า ไม่ใช่รถไฟทุกขบวนจะไปถึง แคนตันทาวเวอร์ ผมต้องไปต่อรถอีกขบวน แต่ด้วยปัจจัยเร่งด้านเวลาทำให้ผมตัดสินใจไม่ไปต่ออีกขบวนเพื่อไป แคนตัน เลยขอหยุดที่สถานีสุดท้าายของขบวนนั้น ชื่อสถานีอะไรจำไม่ได้เหมือนกัน แต่ที่จำไดู้ขึ้นไปถึงชั้นพื้นดินแล้ว ก็เห็นโรงแรม sheraton เลยขึ้นไปดูบ้านเมืองเค้าหน่อย เพื่อเป็นประสบการณ์ความรู้ ก็เดินไปเรื่อยๆครับ แวะซื้อหมั่นโถกิน เพื่อกะว่าจะลองกินแบบคนจีนดู พบว่ารสชาติไม่ได้เรื่องเลย จืดชืดไม่มีใส้เลย แต่ไม่ได้ชิมน้ำเต้าหู้เค้าพ่อกินหมดก่อน แวะนั่งกินได้ซักพัก แล้วก็เดินต่อ โดยเดินเล่น ไปตามตรอกซอกซอย พบเห็น คอนโดเก่า ภาพแห่งฮ่องกงลอยมาเลยครับ อาจจะถอดแบบหรือได้แรงบันดาลใจมมากจาากตึกในฮ่องกงก็เป็นได้ เพราะเค้าอยู่ใกล้กัน เดินไปดูตามซอย พอว่าซอยนั้นเต็มไปด้วยร้านอาหารแบบข้างทางขายเต็มไปหมด เหมือนเป็นถนนสายอาหารก็ว่าได้ หลังจากนั้นก็เดินไปเรื่อย ก็พบกับทางลงรถไปใต้ดินเลยได้โอกาสกลับสนามบินเลยเพราะกังวลเล็กน้อยกับการบินไฟลท์ถึดไป ทางลงรถไปใต้ดินมีเซเว่นอยู่เลยแวะซื้อน้ำเต้าหู้กินขวดหนึ่งแล้วเดินทางกลับ สนามบิน ระวังตู้ซื้อตั๋วไม่ได้รับแบงค์ทุกตู้นะครับ สังเกตด้วย เสียเวลาพอสมควรในการยัดแบงค์ในเครื่องที่ไม่รับแบงค์ห้าห้าห้า
บินในเทศจีน
ถึงสนามบินแล้วก็ไปส่วนของเกตบินในประเทศ ของผมเป็น เกทบี ผ่าน security โดนยึด แบตสำรองไป สองก้อน โดยเหตุผลคือ ความจุบนแบตเลือนไม่รู้ว่าควาจุเกิน ลิมิตรึเปล่า ระวังกันด้วยเรื่องนี้ หรืออาจเพราะคนตรวจเป้นผู้ชายด้วยมั้งเลยโหดเป็นพิเศษ หรือเค้านึกว่าผมเป็นผู้ต้องสงสัยขนาดนั้นเลยหรอ พอผ่านด่านตรวจด้วยอารมณ์ที่ไม่สู้ดีนัก ทั้งเหนื่อย ทั้งเสียดายแบตสำรอง ทั้งนอนน้อย ทำให้ไม่ค่อยมีอารมณ์สู้ดีนัก ประกอบกับ การทีหาเกตของเครื่องบินไม่เจอซักทีเพราะ หน้าจอไม่แสดงซักที เลยเหนื่อยมากขึ้นเรื่อยแล้วเดินไปถามพนักงาาน เค้าก็ตอบภาษาอังกฤษไม่ได้อีก แนะนำให้ไปพนักงานประจำเกตที่เปิดเลยเค้าจะพูดอังกฤษได้บ้าง พอเกตพร้อมแล้วก็ไปที่เกตปรากฎว่าเจอปัญหาใหม่ เปลี่ยนเกตกะทันหันครับ มีงี้ด้วย ดีใกล้กันแค่สองเกต กว่าจะได้ข้นเครื่องเลยเวลาบอร์ดดิ้งบน ใบบอร์ดดิ้งเกือบชั่วโมง พอได้ขึ้นเครื่องเจอปัญหาในตำนานสนามบินจีนคือ เรื่องดีเลย์ เพ่ิงเคยเจอที่นี่แหละนั่งรอเครื่องบินออกในสนามบิน แล้วในเครื่องบินยังร้อนอีกต่างหาก รอเกือบชั่วโมงกว่าจะบิน สรุปถึงจี้หยางประมาณ สี่โมงเย็น เลทไป หนึ่งชั่วโมง
พบญาติครั้งแรก
แล้วก็พบว่ายังไม่มีญาติมารอรับ เลยต้องประสานให้แมน(พี่ชาย)โทรบอกอาม่า ให้อาม่าโทรหายูเกียให้ เพราะที่สนามบินไม่มี ตู้ที่หยอดเหรียญได้เลย รอประมาณสองชั่วโมงคนที่มารับก็มาถึง พบว่าเป็นชายรูปร่างผอม ทราบทีหลังว่าอายุ สามสิบสามปี มากกว่าผมไม่กี่ปีเอง คือเป็นเจนเนเรชั่นร่วมกับผม เค้ามาถึงก็มาลากกระเป๋าให้พ่อ แล้วก็พาไปที่รถ ค่อนข้างประหลาดใจเมื่อพบว่า รถที่มารับเป็นรถบีเอ็ม ซึ่งเป็นครั้งที่สองที่ผมได้นั่งบีเอ็มของคนอื่น และตัวเองก็ไม่มีหรอกครับ พาไปจนถึงซัวเถา ก็พาไปกินภัตตาคารอาหารจีน หรูหรามากๆ ประทับใจมากๆที่พามากินซะหรูหรา เป็นภัตตาคารที่เน้นอาหารทะเลเป็นหลัก ด้วยการที่ซัวเถาเป็นเมืองท่าเรือ อาจจะมีอาหารทะเลเยอะเป็นทุนเดิม แต่น่าแปลกไปกว่านั้นคือ มีแต่สัตว์แปลกๆ ให้เลือกกินมากมาย โชว์ตัวเป็นๆให้ดูเลยครับ ผมก็เสียดายที่ผมไม่กล้าถ่ายรูปมาดูด้วย เพราะอายและเกรงใจญาติ ญาติพาไปนั่งกินชั้นสอง หมดไปประมาณ แปดร้อยหยวน แถมยังเหลืออาหารอยู่บ้างในตอนกลับเสียดายอยู่แต่มันอิ่มมากจนยัดไม่ลงแล้ว การกินอาหารที่นี่ พบว่า ก่อนกินอาหารจะมีถ้วยน้ำร้อนมาวางตรงกลางโต๊ะ คอยใช้ลวกช้อน ลวกถ้วย ล้วกตะเกียบ รสชาติอาหารที่มีแต่จืดจริง ไม่เค็ม ไม่เผ็ด ไม่หวาน และที่แปลกจากบ้านเราสุดๆคือภัคตาคารเค้าไม่มีน้ำแข็งครับ และอีกอย่างน้ำที่เสริฟก็เป็นน้ำสีขาวออกแนวสีเหมือนน้ำนม แต่รสชาติจะคาวก็ไม่คาวหวานก็ไม่หวานรสชาติไว้ตัดเลี่ยน คืนนี้พอแค่นี้ก่อนครับ สวัสดี ง่วงแล้ว
ป้ายภัคพลฟาร์ม

ภัคพลฟาร์มสุรินทร์
วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558
ครั้งแรกในชีวิตที่ซัวเถา ตอนที่สาม
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น